วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

กรุงเทพฯ - บางนกแขวก ความเชื่อที่เป็นหนึ่งเดียวกัน

หนึ่งในประวัติศาสตร์ และหนึ่งในความทรงจำ ณ บางนกแขวก ดินแดนแห่งจุดเริ่มต้นหลายสิ่งหลายอย่างในพระศาสนจักรคาทอลิกไทย
ปัญญา, เกรียงศักดิ์
พระคุณเจ้ายอห์น บอสโก ปัญญา กฤษเจริญ (ซ้าย) และพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช (ขวา)

            ในขณะที่เราเริ่มเขียน Blog นี้ ก็เป็นช่วงบ่ายของวันที่ 7 กันยายน 2015 หลังจากเหตุการณ์ที่น่าจะได้ชื่อว่า เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญของทางสังฆมณฑลราชบุรีนี้เลย คือ การที่พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ได้มาเยี่ยมเยียนเชิงอภิบาล หรือ Pastoral Visit ณ สังฆมณฑลราชบุรี พร้อมกับงานฉลองอาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก ในเวลาเดียวกัน เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2015
            สำหรับเรา นี่ถือว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่และพิเศษสุดๆ สำหรับคริสตชนในสังฆมณฑลราชบุรีซึ่งตัวผู้เขียนเอง ก็ได้มาร่วมเป็นประจักษ์พยานถึงเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่นี้ เลยเห็นว่ามีคุณค่าในหลายๆด้าน ก็เลยตั้งใจจะเขียนถึงเรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับงานในวันนั้นให้ได้อ่านกันครับ
            
        บางนกแขวก ดินแดนแห่งสวน

            การเดินทางของเรานั้น เริ่มต้นตั้งแต่เวลาประมาณตี 4 ที่รีบลุกขึ้นมาจัดแจงตัวเอง และรีบเดินทางมาที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งใต้ทางด่วน ถ.พหลโยธิน ขาออก  เพื่อรอขึ้นรถตู้จากกรุงเทพฯเดินทางไปยังแม่กลอง ซึ่งรถเที่ยวแรกที่ได้นั่ง  ออกจากใต้ทางด่วนเวลาประมาณ 06.10 น. และเดินทางถึงตลาดแม่กลอง ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของรถตู้สายกรุงเทพฯ – แม่กลอง ปรากฏว่าด้วยความโชคดีอย่างยิ่ง  คือ มีซิสเตอร์ท่านหนึ่งที่เขารู้จักเรา ได้เสนอที่จะให้ญาติของซิสเตอร์ซึ่งจะต้องมารับหลานที่ตลาดแม่กลองในช่วงเวลาเดียวกันนั้น รับเราขึ้นรถเพื่อจะเข้าไปที่บางนกแขวกด้วยเลย หลังจากลงจากรถตู้ไปได้ไม่ถึง 5 นาที ก็มีรถมารับหลานของซิสเตอร์และผมเดินทางไปสู่บางนกแขวกด้วย  ก็ขอขอบพระคุณซิสเตอร์มา ณ โอกาสนี้ ยังไงผมก็จะสวดภาวนาให้บ่อยๆเลยคร้าบบบ

ศาลาบริเวณหลังถ้ำแม่พระ เป็นที่ตั้งของทูตสวรรค์ประจำวันทั้ง 7
           
 
อาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก 06/09/2015
ระหว่างการเดินทางเข้มายังบางนกแขวกก็พบว่า สองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยเรือกสวนผลไม้กันสองข้างทาง สลับบ้านคนเป็นระยะๆ  ขระเดียวกัน ก็มีต้นไม้ขึ้นเป็นจำนวนมากดูสดชื่นและร่มรื่นเป็นอย่างดี รวมทั้งยังมีร้านขายขนมไส้ที่ค่อนข้างลือชื่อในย่านนี้ด้วย  เราใช้เวลาเดินทางในช่วงนี้ประมาณ 20 นาทีได้ ก็มาถึงที่อาสนวิหารบางนกแขวกประมาณ 07.30 น. พอมาถึงแล้ว เราก็จัดแจงพาตัวเองเดินสำรวจดู ก็พบสิ่งต่างๆหลายอย่าง ที่ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยพบไม่เคยเห็น   ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นแม่พระบังเกิด และศาลาที่รวบรวมเทวดาทั้ง 7 วันโดยมีบ่อปลาสร้างความอภิรมย์เพิ่มความศรัทธาด้วย ซึ่ง 2 สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นสำหรับงานฉลองวัดนี้ได้ด้วยเช่นกันครับ    
            
 รูปปั้นแม่พระบังเกิด หนึ่งเดียวในบางนกแขวก
            
              ในปี 2015 นี้ ทางวัดแม่พระบังเกิด บางนกแขวก ก็มีไอเดียใหม่ใสกิ๊ง  ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆอย่างหนึ่งนั่นคือ การทำรูปปั้นแม่พระบังเกิด ซึ่งน่าจะเป็นที่แรกในประเทศไทย ที่มีการทำแม่พระรูปปั้นในแบบนี้ (ประวัติศาสตร์ได้อีกแล้วนะ 555) โดยจะเป็นรูปแม่พระในวัยเด็กนอนอยู่ตรงกลาง และมีท่านนักบุญอันนาและนักบุญยออากิม อยู่ข้างๆ รูปทรงที่ว่านี้  ถ้าบางท่านนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงตอนเราจัดถ้ำพระกุมารที่พระกุมารทรงอยู่ตรงกลางและมีนักบุญยอแซฟกับแม่พระอยู่ข้างๆน่ะครับ จะใกล้เคียงแบบนั้นเลย  ทีนี้ ถ้าถามว่า แรงบันดาลใจในการทำรูปปั้นแม่พระบังเกิดนี้ มาจากไหน? ไปหาไกลหรือไม่? คำตอบคือ ไม่ไกลเลยครับ!!! เพราะแบบของรูปนี้มาจากกระจกสีตรงหลังพระแท่นของอาสนวิหารนี้เองคร้าบ เหอๆๆ
            
       การต้อนรับพระคาร์ดินัล
            
              อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ในปีนี้ นอกจากจะมีการจัดฉลองอาสนแม่พระบังเกิดแล้ว ทางสังฆมณฑลราชบุรี ยังถือเอาโอกาสอันดีนี้ ในการต้อนรับพระคาร์ดินัล ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช แห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ในโอกาสเยี่ยมเยียนเชิงอภิบาล (Pastoral Visit) ที่สังฆมณฑลราชบุรี และร่วมแสดงความยินดีกับพระคุณเจ้าในโอกาสที่ได้รับการสถาปนาจากพระสันตะปาปาฟรังซิส ให้เป็นพระคาร์ดินัล เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2015 ด้วยครับ
            ตามกำหนดการเดิม ท่านจะเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เพื่อมาที่อาสนวิหารแม่พระบังเกิดในเวลา 09.30 น. เลย แต่ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ หรือเพราะชื่อเสียงในการทำอาหารของพ่อครัวประจำสำนักมิสซังราชบุรี ดังไปถึงหูพระคาร์ดินัลกันแน่ (ฮา) จึงทำให้ท่านได้แวะมาที่สำนักมิสซังราชบุรีก่อนในเวลาประมาณ 08.00 น. ซึ่งภาพในช่วงเวลานั้น เป็นภาพที่บอกได้เลยว่า หาได้ยากยิ่ง เพราะตากล้องหลักๆทั้งหลาย ต่างมาอยู่ที่บางนกแขวกพร้อมหน้ากันในช่วงเวลานั้นแล้วครับ 55555
            หลังจากที่ท่านได้แวะพักที่สำนักมิสซังราชบุรีสักพักหนี่งแล้ว พระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์ ก็ได้เดินทางมาพร้อมกับพระคุณเจ้าปัญญา กฤษเจริญ โดยนั่งรถตู้คันเดียวกัน มาถึงอาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก ในเวลาประมาณ 9 โมงครึ่ง เมื่อมาถึงก็มีการต้อนรับโดยเปิดเพลง “สดุดีพระสันตะปาปา” ต่อด้วยพระคุณเจ้าปัญญากล่าวรายงานแก่พระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์ ตามด้วยการแสดงรำไทยต้อนรับ หลังจากนั้นพระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์ พระคุณเจ้าปัญญาและคณะสงฆ์ของสังฆมณฑลราชบุรีจำนวนหนึ่งได้เดินไปทักทายสัตบุรุษที่ตั้งแถวรอรับท่าน

ช่วงพิธีการต้อนรับพระคาร์ดินัลและการเดินทักทายสัตบุรุษที่ตั้งแถวต้อนรับ 

            การตั้งแถวของสัตบุรุษที่รอรับท่านนั้น สังเกตได้ว่าจะมีสภาอภิบาลวัดในแต่ละวัด สามเณร เณรี คณะนักบวช และกลุ่มองค์กรต่างๆในสังฆมณฑลราชบุรี ยืนสองฝากฝั่งรอต้อนรับพระคุณเจ้าทั้งสองด้วยความชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง
            ต่อจากนั้น   พระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์พร้อมกับพระคุณเจ้าปัญญา ได้ถวายพวงมาลัยแก่รูปปั้นบุญราศี คุณพ่อนิโคลาส ที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำแม่กลอง และได้ไปถวายพวงมาลัยแก่อนุสาวรีย์คุณพ่อเป่าที่หน้าบ้านพักพระสงฆ์ด้วย หลังจากนั้นจึงได้เข้าไปพักผ่อนที่บ้านพักพระสงฆ์สักครู่ โดยเรารู้มาภายหลังว่า ได้มีรายการหนึ่งทางช่อง 5 มาขอสัมภาษณ์ทั้งพระคาร์ดินัลและพระคุณเจ้าปัญญาด้วย (ใครรู้ก็แจ้งเบาะแสทีคร้าบ)
            พิธีมิสซาโอกาสฉลองวัด เริ่มต้นเวลาประมาณ 10.15 น. ตามธรรมเนียมของสังฆมณฑลราชบุรี  ในเวลาฉลองวัดจะจัดให้มีการแห่รูปแม่พระ หรือรูปนักบุญองค์อุปถัมภ์ของวัด ในช่วงก่อนพิธีมิสซา (ยกเว้นวัดนักบุญอันตน โคกมดตะนอย ที่จะแห่หลังจากพิธีมิสซา)  หลังจากแห่พระรูปแม่พระรอบอาสนวิหารแล้ว ได้มีการประกอบพิธีเสกรูปปั้นแม่พระบังเกิด โดยพระคาร์ดินัล เป็นผู้ประกอบพิธี 
พิธีเสกพระรูปแม่พระบังเกิด 
            หลังจากนั้นก็เป็นมิสซาฉลองอาสนวิหารอย่างสง่า   โดยใช้บทอ่านและบทมิสซาของวันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา  และหลังจากรับศีลมหาสนิทแล้ว ก่อนที่จะอวยพรปิดพิธี พระคาร์ดินัล   ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ได้นำสวดเพื่อขอรับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ด้วย (อันนี้คาดว่าคงเป็นเพราะอาสนวิหารแห่งนี้ ทางสังฆมณฑลราชบุรีได้เลือกให้เป็นสถานที่สำหรับแสวงบุญในปีศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักรไทยก็เป็นได้)   
            

อาหารสำหรับพระสงฆ์และนักบวช อร่อยจิ๊งงงง
            
             ที่ตั้งหัวข้อนี้มา ไม่ใช่เพราะว่าเราเป็นคนมีเส้นมีสาย หรือใหญ่โตอะไรขนาดนั้นหรอกครับ เรื่องนี้ที่มาที่ไปมันเป็นแบบนี้ครับ
            หลังจากพิธีมิสซาแล้ว ด้วยความที่มีสัญชาติญาณของตากล้องนั้น การถ่ายรูปกับวัดหรือกับส่วนต่างๆของวัดเพิ่มเติมหลังมิสซานั้น  เป็นสิ่งที่ควรพึงกระทำ (แต่อย่ามากเกินไปก็เป็นดี) ซึ่งงานนี้ ตัวข้าพเจ้า กอล์ฟ และโจ้ 3 สหายแก๊งเกรียนกล้องหนุ่มหล่อที่สุดของกรุงเทพฯ ก็ได้ถ่ายรูปเก็บมุมต่างๆ เก็บรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งก็ได้รับความอนุเคราะห์จากพี่เติ้ล คนใหญ่คนโตแห่งบางนกแขวก (ถ้าคุณคิดว่าใหญ่ขนาดไหน ให้มาดูที่หุ่นเขาเลยดีๆ แล้วคุณจะเชื่อโดยบัดดล 5555) จัดหามุมต่างๆของวัด รวมถึงส่วนที่สำคัญในการถ่ายรูปไว้เยอะ
            ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับ คือ หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จสิ้นแล้วนั้น  ปรากฏว่า พอมองไปจุดที่มีการแจกอาหารสำหรับสัตบุรุษนั้น ก็พบเพียงแต่ความว่างเปล่า และอ้างว้าง นั่นแปลว่า อาหารหมดเกลี้ยงละครับ ทีนี้ทำไงละ? พวกเราทั้งสามก็ต้องอาศัยบารมีพี่เติ้ลนี่แหละ  ที่ได้พาเราเดินไปจุดที่พอมีอาหารเหลืออยู่  ปรากฎว่าหวยตกมาที่ที่ทานอาหารสำหรับพระสงฆ์และนักบวชนี่แหละ ซึ่งเราทั้ง 3 คนพร้อมกับเติ้ล ก็นั่งโต๊ะด้วยกันก็นั่งกินอาหารกันจนอิ่ม เพราะอาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะสตูมีทบอลนี่ สุดยอดเลย (อยากรู้จังว่าใครทำ 555)  หลังจากนั้นก็เป็นช่วงแยกย้ายเดินทางกลับบ้านละครับ

            สรุปการเดินทางในครั้งนี้  บอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ และภาพการจับมือระหว่างพระคุณเจ้าปัญญา กฤษเจริญ กับพระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์ นั้น น่าจะเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่จะมีการกล่าวถึงต่อไปในภายภาคหน้าอย่างแน่นอนครับ ถึงแม้จะเหนื่อยและร้อนมากกกกกก (ชนิดโค้กที่พี่เติ้ลให้ยังเอาไม่อยู่เลย 5555) แต่ก็บอกได้เลยว่า คุ้มค่าจริงๆ และงานนี้ ถ้าจะรวมงานฉลองวัดเด่นๆในปี 2015 นี่จะติดโผแน่นอนเลยคร้าบบบ

ปล.ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เดี๋ยวจะคัดรุปมาลง Blog ให้ได้ชมกันอีกครั้งแบบเต็มๆนะครับ เผื่อจะได้เอาไว้ใช้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ในอนาคตครับ (เพียงแต่ขอความกรุณรา เขียนเครดิตรูปให้ด้วยก็แล้วกันครับ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น