หนึ่งในประวัติศาสตร์ และหนึ่งในความทรงจำ ณ บางนกแขวก
ดินแดนแห่งจุดเริ่มต้นหลายสิ่งหลายอย่างในพระศาสนจักรคาทอลิกไทย
 |
พระคุณเจ้ายอห์น บอสโก ปัญญา กฤษเจริญ (ซ้าย) และพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช (ขวา) |
ในขณะที่เราเริ่มเขียน
Blog นี้ ก็เป็นช่วงบ่ายของวันที่ 7 กันยายน 2015
หลังจากเหตุการณ์ที่น่าจะได้ชื่อว่า
เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญของทางสังฆมณฑลราชบุรีนี้เลย คือ
การที่พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช
ได้มาเยี่ยมเยียนเชิงอภิบาล หรือ Pastoral Visit ณ
สังฆมณฑลราชบุรี พร้อมกับงานฉลองอาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก ในเวลาเดียวกัน
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2015
สำหรับเรา
นี่ถือว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่และพิเศษสุดๆ
สำหรับคริสตชนในสังฆมณฑลราชบุรีซึ่งตัวผู้เขียนเอง
ก็ได้มาร่วมเป็นประจักษ์พยานถึงเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่นี้
เลยเห็นว่ามีคุณค่าในหลายๆด้าน ก็เลยตั้งใจจะเขียนถึงเรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับงานในวันนั้นให้ได้อ่านกันครับ
บางนกแขวก
ดินแดนแห่งสวน
การเดินทางของเรานั้น
เริ่มต้นตั้งแต่เวลาประมาณตี 4 ที่รีบลุกขึ้นมาจัดแจงตัวเอง
และรีบเดินทางมาที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งใต้ทางด่วน ถ.พหลโยธิน ขาออก
เพื่อรอขึ้นรถตู้จากกรุงเทพฯเดินทางไปยังแม่กลอง
ซึ่งรถเที่ยวแรกที่ได้นั่ง
ออกจากใต้ทางด่วนเวลาประมาณ 06.10 น. และเดินทางถึงตลาดแม่กลอง
ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของรถตู้สายกรุงเทพฯ – แม่กลอง ปรากฏว่าด้วยความโชคดีอย่างยิ่ง คือ มีซิสเตอร์ท่านหนึ่งที่เขารู้จักเรา
ได้เสนอที่จะให้ญาติของซิสเตอร์ซึ่งจะต้องมารับหลานที่ตลาดแม่กลองในช่วงเวลาเดียวกันนั้น
รับเราขึ้นรถเพื่อจะเข้าไปที่บางนกแขวกด้วยเลย หลังจากลงจากรถตู้ไปได้ไม่ถึง 5
นาที ก็มีรถมารับหลานของซิสเตอร์และผมเดินทางไปสู่บางนกแขวกด้วย ก็ขอขอบพระคุณซิสเตอร์มา ณ โอกาสนี้ ยังไงผมก็จะสวดภาวนาให้บ่อยๆเลยคร้าบบบ
 |
ศาลาบริเวณหลังถ้ำแม่พระ เป็นที่ตั้งของทูตสวรรค์ประจำวันทั้ง 7 |
|
อาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก 06/09/2015 |
ระหว่างการเดินทางเข้มายังบางนกแขวกก็พบว่า
สองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยเรือกสวนผลไม้กันสองข้างทาง สลับบ้านคนเป็นระยะๆ ขระเดียวกัน ก็มีต้นไม้ขึ้นเป็นจำนวนมากดูสดชื่นและร่มรื่นเป็นอย่างดี
รวมทั้งยังมีร้านขายขนมไส้ที่ค่อนข้างลือชื่อในย่านนี้ด้วย เราใช้เวลาเดินทางในช่วงนี้ประมาณ 20 นาทีได้ ก็มาถึงที่อาสนวิหารบางนกแขวกประมาณ
07.30 น. พอมาถึงแล้ว เราก็จัดแจงพาตัวเองเดินสำรวจดู ก็พบสิ่งต่างๆหลายอย่าง ที่ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยพบไม่เคยเห็น
ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นแม่พระบังเกิด และศาลาที่รวบรวมเทวดาทั้ง
7 วันโดยมีบ่อปลาสร้างความอภิรมย์เพิ่มความศรัทธาด้วย ซึ่ง 2 สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นสำหรับงานฉลองวัดนี้ได้ด้วยเช่นกันครับ
รูปปั้นแม่พระบังเกิด
หนึ่งเดียวในบางนกแขวก
ในปี 2015 นี้
ทางวัดแม่พระบังเกิด บางนกแขวก ก็มีไอเดียใหม่ใสกิ๊ง ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆอย่างหนึ่งนั่นคือ
การทำรูปปั้นแม่พระบังเกิด ซึ่งน่าจะเป็นที่แรกในประเทศไทย
ที่มีการทำแม่พระรูปปั้นในแบบนี้ (ประวัติศาสตร์ได้อีกแล้วนะ 555)
โดยจะเป็นรูปแม่พระในวัยเด็กนอนอยู่ตรงกลาง และมีท่านนักบุญอันนาและนักบุญยออากิม
อยู่ข้างๆ รูปทรงที่ว่านี้
ถ้าบางท่านนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงตอนเราจัดถ้ำพระกุมารที่พระกุมารทรงอยู่ตรงกลางและมีนักบุญยอแซฟกับแม่พระอยู่ข้างๆน่ะครับ
จะใกล้เคียงแบบนั้นเลย ทีนี้ ถ้าถามว่า
แรงบันดาลใจในการทำรูปปั้นแม่พระบังเกิดนี้ มาจากไหน? ไปหาไกลหรือไม่? คำตอบคือ
ไม่ไกลเลยครับ!!! เพราะแบบของรูปนี้มาจากกระจกสีตรงหลังพระแท่นของอาสนวิหารนี้เองคร้าบ
เหอๆๆ
การต้อนรับพระคาร์ดินัล
อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่า
ในปีนี้ นอกจากจะมีการจัดฉลองอาสนแม่พระบังเกิดแล้ว ทางสังฆมณฑลราชบุรี
ยังถือเอาโอกาสอันดีนี้ ในการต้อนรับพระคาร์ดินัล ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์
โกวิทวาณิช แห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ในโอกาสเยี่ยมเยียนเชิงอภิบาล (Pastoral
Visit) ที่สังฆมณฑลราชบุรี
และร่วมแสดงความยินดีกับพระคุณเจ้าในโอกาสที่ได้รับการสถาปนาจากพระสันตะปาปาฟรังซิส
ให้เป็นพระคาร์ดินัล เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2015 ด้วยครับ
ตามกำหนดการเดิม
ท่านจะเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เพื่อมาที่อาสนวิหารแม่พระบังเกิดในเวลา 09.30 น. เลย
แต่ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ หรือเพราะชื่อเสียงในการทำอาหารของพ่อครัวประจำสำนักมิสซังราชบุรี
ดังไปถึงหูพระคาร์ดินัลกันแน่ (ฮา) จึงทำให้ท่านได้แวะมาที่สำนักมิสซังราชบุรีก่อนในเวลาประมาณ
08.00 น. ซึ่งภาพในช่วงเวลานั้น เป็นภาพที่บอกได้เลยว่า หาได้ยากยิ่ง
เพราะตากล้องหลักๆทั้งหลาย
ต่างมาอยู่ที่บางนกแขวกพร้อมหน้ากันในช่วงเวลานั้นแล้วครับ 55555
หลังจากที่ท่านได้แวะพักที่สำนักมิสซังราชบุรีสักพักหนี่งแล้ว
พระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์ ก็ได้เดินทางมาพร้อมกับพระคุณเจ้าปัญญา กฤษเจริญ
โดยนั่งรถตู้คันเดียวกัน มาถึงอาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก ในเวลาประมาณ 9
โมงครึ่ง เมื่อมาถึงก็มีการต้อนรับโดยเปิดเพลง “สดุดีพระสันตะปาปา” ต่อด้วยพระคุณเจ้าปัญญากล่าวรายงานแก่พระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์
ตามด้วยการแสดงรำไทยต้อนรับ หลังจากนั้นพระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์ พระคุณเจ้าปัญญาและคณะสงฆ์ของสังฆมณฑลราชบุรีจำนวนหนึ่งได้เดินไปทักทายสัตบุรุษที่ตั้งแถวรอรับท่าน

|
ช่วงพิธีการต้อนรับพระคาร์ดินัลและการเดินทักทายสัตบุรุษที่ตั้งแถวต้อนรับ |
การตั้งแถวของสัตบุรุษที่รอรับท่านนั้น
สังเกตได้ว่าจะมีสภาอภิบาลวัดในแต่ละวัด สามเณร เณรี คณะนักบวช
และกลุ่มองค์กรต่างๆในสังฆมณฑลราชบุรี
ยืนสองฝากฝั่งรอต้อนรับพระคุณเจ้าทั้งสองด้วยความชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง
ต่อจากนั้น พระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์พร้อมกับพระคุณเจ้าปัญญา
ได้ถวายพวงมาลัยแก่รูปปั้นบุญราศี คุณพ่อนิโคลาส ที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำแม่กลอง
และได้ไปถวายพวงมาลัยแก่อนุสาวรีย์คุณพ่อเป่าที่หน้าบ้านพักพระสงฆ์ด้วย
หลังจากนั้นจึงได้เข้าไปพักผ่อนที่บ้านพักพระสงฆ์สักครู่ โดยเรารู้มาภายหลังว่า
ได้มีรายการหนึ่งทางช่อง 5 มาขอสัมภาษณ์ทั้งพระคาร์ดินัลและพระคุณเจ้าปัญญาด้วย
(ใครรู้ก็แจ้งเบาะแสทีคร้าบ)
พิธีมิสซาโอกาสฉลองวัด
เริ่มต้นเวลาประมาณ 10.15 น. ตามธรรมเนียมของสังฆมณฑลราชบุรี ในเวลาฉลองวัดจะจัดให้มีการแห่รูปแม่พระ
หรือรูปนักบุญองค์อุปถัมภ์ของวัด ในช่วงก่อนพิธีมิสซา (ยกเว้นวัดนักบุญอันตน
โคกมดตะนอย ที่จะแห่หลังจากพิธีมิสซา)
หลังจากแห่พระรูปแม่พระรอบอาสนวิหารแล้ว ได้มีการประกอบพิธีเสกรูปปั้นแม่พระบังเกิด
โดยพระคาร์ดินัล เป็นผู้ประกอบพิธี
 |
พิธีเสกพระรูปแม่พระบังเกิด |
หลังจากนั้นก็เป็นมิสซาฉลองอาสนวิหารอย่างสง่า โดยใช้บทอ่านและบทมิสซาของวันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา และหลังจากรับศีลมหาสนิทแล้ว
ก่อนที่จะอวยพรปิดพิธี พระคาร์ดินัล ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช
ได้นำสวดเพื่อขอรับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ด้วย (อันนี้คาดว่าคงเป็นเพราะอาสนวิหารแห่งนี้
ทางสังฆมณฑลราชบุรีได้เลือกให้เป็นสถานที่สำหรับแสวงบุญในปีศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักรไทยก็เป็นได้)
อาหารสำหรับพระสงฆ์และนักบวช
อร่อยจิ๊งงงง
ที่ตั้งหัวข้อนี้มา
ไม่ใช่เพราะว่าเราเป็นคนมีเส้นมีสาย หรือใหญ่โตอะไรขนาดนั้นหรอกครับ
เรื่องนี้ที่มาที่ไปมันเป็นแบบนี้ครับ
หลังจากพิธีมิสซาแล้ว
ด้วยความที่มีสัญชาติญาณของตากล้องนั้น
การถ่ายรูปกับวัดหรือกับส่วนต่างๆของวัดเพิ่มเติมหลังมิสซานั้น เป็นสิ่งที่ควรพึงกระทำ
(แต่อย่ามากเกินไปก็เป็นดี) ซึ่งงานนี้ ตัวข้าพเจ้า กอล์ฟ และโจ้ 3
สหายแก๊งเกรียนกล้องหนุ่มหล่อที่สุดของกรุงเทพฯ ก็ได้ถ่ายรูปเก็บมุมต่างๆ
เก็บรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งก็ได้รับความอนุเคราะห์จากพี่เติ้ล
คนใหญ่คนโตแห่งบางนกแขวก (ถ้าคุณคิดว่าใหญ่ขนาดไหน ให้มาดูที่หุ่นเขาเลยดีๆ
แล้วคุณจะเชื่อโดยบัดดล 5555) จัดหามุมต่างๆของวัด
รวมถึงส่วนที่สำคัญในการถ่ายรูปไว้เยอะ
ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับ
คือ หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จสิ้นแล้วนั้น ปรากฏว่า
พอมองไปจุดที่มีการแจกอาหารสำหรับสัตบุรุษนั้น ก็พบเพียงแต่ความว่างเปล่า และอ้างว้าง
นั่นแปลว่า อาหารหมดเกลี้ยงละครับ ทีนี้ทำไงละ? พวกเราทั้งสามก็ต้องอาศัยบารมีพี่เติ้ลนี่แหละ ที่ได้พาเราเดินไปจุดที่พอมีอาหารเหลืออยู่ ปรากฎว่าหวยตกมาที่ที่ทานอาหารสำหรับพระสงฆ์และนักบวชนี่แหละ
ซึ่งเราทั้ง 3 คนพร้อมกับเติ้ล ก็นั่งโต๊ะด้วยกันก็นั่งกินอาหารกันจนอิ่ม
เพราะอาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะสตูมีทบอลนี่ สุดยอดเลย (อยากรู้จังว่าใครทำ 555) หลังจากนั้นก็เป็นช่วงแยกย้ายเดินทางกลับบ้านละครับ
สรุปการเดินทางในครั้งนี้ บอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ
และภาพการจับมือระหว่างพระคุณเจ้าปัญญา กฤษเจริญ กับพระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์ นั้น
น่าจะเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่จะมีการกล่าวถึงต่อไปในภายภาคหน้าอย่างแน่นอนครับ
ถึงแม้จะเหนื่อยและร้อนมากกกกกก (ชนิดโค้กที่พี่เติ้ลให้ยังเอาไม่อยู่เลย 5555)
แต่ก็บอกได้เลยว่า คุ้มค่าจริงๆ และงานนี้ ถ้าจะรวมงานฉลองวัดเด่นๆในปี 2015
นี่จะติดโผแน่นอนเลยคร้าบบบ
ปล.ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เดี๋ยวจะคัดรุปมาลง Blog ให้ได้ชมกันอีกครั้งแบบเต็มๆนะครับ เผื่อจะได้เอาไว้ใช้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ในอนาคตครับ (เพียงแต่ขอความกรุณรา เขียนเครดิตรูปให้ด้วยก็แล้วกันครับ)