วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

ฉลอง 100 ปี วัดซางตาครู้ส หลังที่ 3


   เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2016 ที่ผ่านมา ทางวัดซางตาครู้ส กุฎีจีน เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ได้จัดให้มีการฉลองวัดประจำปีขึ้น และปีนี้มีความพิเศษ ที่ตัววัดซางตาครู้สหลังปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นวัดหลังที่ 3 นั้น มีอายุครบ 100 ปีในปีนี้ จึงจัดให้มีการฉลองอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเทิดเกียรติและโมทนาคุณพระเจ้าในโอกาสนี้เป็นพิเศษ
    โดยเวลา 10.30 น. เป็นพิธีมิสซาฉลองวัดและฉลองเทิดทูนไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ โดยพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ประมุขอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯเป็นประธาน ร่วมกับพระคุณเจ้ายอแซฟ สังวาลย์ ศุระศรางค์ พระสังฆราชกิตติคุณแห่งสังฆมณฑลเชียงใหม่ และคุณพ่อยอแซฟ วุฒิเลิศ แห่ล้อม อุปสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ 
     เนื่องจากในโอกาสฉลองครบ 100 ปี ของวัดหลังปัจจุบันนั้น ทำให้สัตบุรุษต่างหลั่งไหลเพื่อมาร่วมชื่นชมยินดีกันเป็นจำนวนมาก จนทางวัดต้องจัดที่นั่งบริเวณทางเดินข้างวัดทั้งสองด้าน และบริเวณลานด้านหน้าวัดจนเต็มพื้นที่ จึงทำให้ในปีนี้ ไม่มีการแห่พระธาตุไม้กางเขนรอบวัด แต่สัตบุรุษก็มาร่วมพิธีมิสซาและขอพรจากพระโดยผ่านทางการสวดต่อหน้าพระธาตุไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์อย่างดีคร้าบ 


ประวัติวัดซางตาครู้ส 

วัดซางตาครู้ส เป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่ง ของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ มีประวัติความเป็นมาโดยสรุปดังนี้
      
      วันที่ 4 มีนาม พ.ศ.2312 ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี คุณพ่อฌาคส์ กอรร์ สงฆ์มิชชันนารี ชาวฝรั่งเศส ที่ได้ลี้ภัยสงครามไปอยู่กัมพูชา เมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยาเสียกรุงให้แก่พม่า ครั้งที่ 2 ได้เดินทางกลับมาสยาม พร้อมกับคริสตชนชาวเวียดนาม และชาวไทยจำนวนหนึ่ง เนื่องจากทราบว่าได้มีการตั้งเมืองหลวงใหม่ขึ้นที่กรุงธนบุรี จากนั้นคุณพ่อได้พบกับชาวโปรตุเกส และได้พากันไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เพื่อขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ได้รับพระราชทานเงินรวมถึงเรือพายอีก 1 ลำ ไว้ใช้งาน ต่อมาด้วยความวิริยะของคุณพ่อ จึงสามารถรวบรวมคริสตชนที่กระจัดกระจาย จากภาวะสงครามมาอยู่รวมกันประมาณ 400 คน ซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อสายโปรตุเกส
ด้านในของวัดซางตาครู้ส

      วันที่ 14 กันยายน พ.ศ.2312 ตรงกับวัน “ฉลองเทิดทูนไม้กางเขน” สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ทรงพระราชทานที่ดินแปลงหนึ่งแด่คุณพ่อกอรร์ เพื่อให้กลุ่มคริสตชนอาศัยอยู่ ดังนั้นเพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญครั้งนั้น คุณพ่อกอรร์ จึงตั้งชื่อที่ดินผืนนี้รวมถึงวัดน้อยที่สร้างขึ้นว่า “Santa Cruz” เป็นภาษาโปรตุเกส แปลว่า “ไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์”

       วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2313 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมคุณพ่อกอรร์ ณ ที่ที่ได้พระราชทานที่ดินให้นี้ เมื่อทรงทอดพระเนตร เห็นว่า วัดน้อยไม่มีข้างฝามีเพียงแต่หลังคาและเสา จึงทรงพระราชทานข้างฝาวัดให้ (สันนิษฐานว่าเป็นวัดไม้) และได้ใช้ประกอบสาสนกิจเรื่อยมาจนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มิสซังสยามขณะนั้นปกครองโดยพระสังฆราชอังตวน การ์โนลต์  ได้สร้างสามเณราลัย พร้อมด้วยโรงพิมพ์แห่งแรกของสยามขึ้น ณ วัดซางตาครู้สแห่งนี้ (ในเวลาต่อมา สามเณราลัยและโรงพิมพ์ได้ย้ายไปอยู่ที่วัดอัสสัมชัญ) ในสมัยของพระสังฆราชฌัง – ปอล กูร์เวอซี ต่อมาได้มอบหมายให้คุณพ่อฌอง – บัปติส ปัลเลอกัวซ์ สร้างวัดหลังใหม่ แทนหลังเดิมที่ใช้มาถึง 65 ปี โดยวัดหลังใหม่สร้างแล้วเสร็จในปี .ศ.2379 ด้วยสถาปัตยกรรมตามแบบสมัยรัชกาลที่ 3 ที่มีรูปทรงประยุกต์จีน – ไทย ก่ออิฐถือปูน และมีลวดลายแกะสลักแบบจีน – ไทย และฝรั่งเศส กลมกลืนอยู่บนตัวอาคารโบสถ์ด้านหน้า วัดแห่งนี้จึงเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดกุฎีจีน”
 
พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ประธานพิธีมิสซา 
        ต่อมา คุณพ่อกูเลียลโม กิ๊น ดากรู้ส (สงฆ์ชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกส) ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสในปี พ.ศ.2456 เล็งเห็นว่า วัดหลังที่สองที่ใช้งานมานานถึง 81 ปีแล้ว มีความทรุดโทรมลงอย่างมาก เกินกว่าจะซ่อมแซมได้ จึงดำริที่จะสร้างวัดหลังใหม่ขึ้นแทนวัดหลังเดิม ได้ทำการก่อสร้างและใช้เวลาก่อสร้างถึง 2 ปีกับ 3 เดือนจึงแล้วเสร็จ ตัวอาคารวัดทั้งภายในและภายนอกของวัดหลังใหม่ ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมเรเนสซองส์ และนีโอ – คลาสสิค และในวันที่ 17 กันยายน พ.ศ.2459 พระสังฆราชเรอเน แปร์รอส ได้ประกอบพิธีเสกวัดอย่างสง่า และใช้วัดหลังนี้ประกอบศาสนกิจต่างๆเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน

     ในปี พ.ศ.2537 คุณพ่อสมศักดิ์ ธิราศักดิ์ เจ้าอาวาสในขIะนั้น ได้ทำการบูรณะวัด โอกาสฉลอง 80 ปี ของวัด (บริษัท มรดกโลก เป็นผู้ดำเนินการบูรณะทั้งภายในและภายนอก ได้เปลี่ยนกระจกสี Stained-Glass เป็นภาพเล่าเรื่องต่างๆจากพระคัมภีร์ โดยร้าน ประกายแก้ว ประเทศไทย)