วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ฉลองวัดเซนต์หลุยส์ 2013

สวัสดีเพื่อนๆทุกคน 
วันนี้ก็มีโอกาสได้มาทักทายเพื่อๆกันทาง Blogger อีกครั้งนึงนะครับ 
สำหรับวันนี้ก็จะมีเรื่องงานฉลองวัดเซนต์หลุยส์ประจำปี 2013 มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ

สำหรับการฉลองวัดเซนต์หลุยส์ในปี 2013 นี้ ก็เป็นการฉลองวัดหลังปัจจุบันครบ 56 ปี เข้าสู่ปีที่ 57 แล้ว ซึ่งวัดนี้ถือได้ว่าเป็นวัดเดินทางมาสะดวกสุดๆแล้วละครับ  เพราะบริเวณหน้าวัดมีถนนสาทรใต้ ซึ่งในวันธรรมดาถนนเส้นนี้มีรถวิ่งพลุกพล่านมากมายเลย และถึงแม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม หลายครั้งถนนเส้นนี้ก็ไม่เคยเงียบเหงาเลย ขณะเดียวกัน  ก็มีรถไฟฟ้า BTS วิ่งผ่านด้วย โดยสัตบุรุษท่านใดที่ต้องการมาวัดโดยรถไฟฟ้านั้นสามารถลงได้ที่สถานีสุรศักดิ์และเดินย้อนมาอีกนิดหน่อยก็ถึงแล้วละครับ 

ในวันฉลองวัดเซนต์หลุยส์ (25 ส.ค.2013) ทางวัดก็ได้รับเกียรติจากพระอัครสังฆราช ฟรังซิสเซเ้วียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช มาเป็นประธานในพิธีมิสซาเวลา 10.00 น.  ซึ่งพิธีมิสซาในครั้งนี้ ก็เป็นไปด้วยความสง่างามอย่างสมเกียรติมากๆ เพราะทางวัดได้จัดให้มีคณะนักขับร้อง ร้องเพลงในพิธีมิสซาได้อย่างดี และที่น่าประทับใจคือ ได้มีการนำเพลงภาษาลาตินมาร้องระหว่างพิธีมิสซาด้วย ไม่ว่าจะเป็น Kyrie, Gloria, Sanctus, Agnus Dei เป็นต้น ทำให้พิธีมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีก
หลังจากจบพิธีมิสซา ก็เป็นช่วงขบวนแห่เทิดเกียรติท่านนักบุญหลุยส์ เราก็ได้สังเกตุเห็นว่า ในงานฉลองวัดเซนต์หลุยส์ปีนี้  มีสัตบุรุษทั้งจากวัดเซนต์หลุยส์เองและจากวัดต่างๆใกล้เคียงได้มาร่วมงานฉลองวัดในครั้งนี้กันเป็นจำนวนมาก จนเราคาดว่า น่าจะประมาณ 1 - 2 พันคนได้ด้วยซ้ำไปครับ 


ซึ่งการฉลองวัดในปีนี้ ก็รู้สึกดีและมีความสุขกับการได้มาร่วมพิธีมิสซาฉลองวัดเซนต์หลุยส์จริงๆ ถึงแม้ตนเองจะไม่ได้เป็นสัตบุรุษของวัดเซนต์หลุยส์ก็ตามที แต่ก็ประทับใจในสัตบุรุษและชุมชนแห่งความเชื่อของวัดนี้ ที่ยืนหยัดอยู่ได้จนถึง 57 ปี และก็หวังว่า สัตบุรุษที่นี่ก็จะได้รับพระพรและพระหรรษทาน จากพระเป็นเจ้าต่อไปอย่างอุดมสมบูรณ์ครับ

วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บทความดีๆ เรื่อง เมื่อเราเลือกเอามิสซา

สวัสดีเพื่อนๆทุกคน ก็ได้มีโอกาสมาอัพบล็อกอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานเสียนาน จนเกือบจะลืมไปแล้วว่า เราก็มีบล็อกนี้อยู่น่ะครับ ยังไงวันนี้ก็ขอนำบทความดีๆ จาก ค.พ.พงษ์เทพ ประมวลพร้อม ที่เขียนไว้ในคอลัมน์ชื่อ แรงบันดาลใจในปีแห่งความเชื่อ ที่เขียนลงในหนังสือพิมพ์อุดมสารรายสัปดาห์มาแบ่งปันกันครับ โดยหัวข้อที่จะนำมาแบ่งปันนี้ มีชื่อว่า "เมื่อเราเลือกเอามิสซา" ยังไงก็เชิญไปอ่านกันได้เลยนะครับ

เมื่อเราเลือกเอามิสซา


พิธีมิสซา  เป็นงานประเสริฐที่สุดที่คุณพ่อสามารถจะประกอบคารวกิจถวายแด่พระเป็นเจ้า  สัตบุรุษไม่ต้องการสิ่งใดจากคุณพ่อมากเท่ากับบูชามิสซาที่คุณพ่อถวายร่วมกับพวกเขาเพราะพวกเขาไม่อาจเป็นศาสนบริกรบนพระแท่นได้  พวกเขาจึงต้องพึ่งคุณพ่อในการถวายมิสซาร่วมกัน 
            เมื่อคุณพ่องดมิสซาประจำวันบ่อยๆ คุณพ่อก็ทำร้ายจิตใจของสัตบุรุษที่เขามีความหวังประจำวันตอนเช้าที่จะได้รับความชุ่มชื่นราดรดหัวใจจากมิสซา  บางทีเขามีความหวังเหลืออยู่เพียงเท่านั้น  สัตบุรุษเพียงคนเดียวที่ผิดหวังเพราะวันนี้ไม่มีมิสซาอย่างไม่สมควรก็มากเกินไปแล้ว  แต่วัดของเราเช้าๆมีมากกว่า 20 คน ที่มาร่วมมิสซา
            บางทีจิตวิทยาผิดๆที่พยายามงดมิสซาเพื่อให้สัตบุรุษคุ้นเคยว่า  ไม่ต้องร่วมมิสซาไม่เป็นไรอาจได้ผล  แต่นั่นก็เพราะเขาต้องจำใจยอมรับเนื่องเพราะโต้แย้งไม่ได้  เราไม่รู้ตัวว่ากำลังสร้างความคุ้นเคยเข้าทางผีปีศาจให้แก่วัดของเรา 
            พระเยซูเจ้าทรงเมตตาประทานหนทางให้เราได้รับการสัมผัสดวงใจจากพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์ในพิธีมิสซา  ทางพระวาจาและศีลมหาสนิท  แต่เมื่อเรางดมิสซา  เราก็เป็นผู้ปิดหนทางของพระเยซูเจ้า  มีสัตบุรุษเป็นจำนวนมากที่เขาดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยมิสซาประจำวัน  คุณพ่อผู้อ่อนประสบการณ์เท่านั้นที่ไม่เข้าใจในขุมทรัพย์อันประเสริฐนี้  และไม่เข้าใจว่าที่วัดดำรงอยู่ได้ก็เพราะทุกเช้ามีสัตบุรุษเหล่านี้นี่เองที่เดินทางมาวัดร่วมถวายมิสซาขององค์พระเยซูเจ้ากับคุณพ่ออยู่เสมอ
            เราจึงต้องระวังเหตุผลที่จะงดมิสซา  ว่าเป็นเหตุผลที่เราคนเดียวต้องการเพราะเราอาจลืมตระหนักว่าเราอยู่ได้ก็เพราะมิสซา  จะมีงานใดสำคัญพอให้เราต้องงดมิสซา  เรางดมิสซาบ่อยๆเท่ากับเราไม่ให้ความสำคัญแก่พระเจ้าและสัตบุรุษ  มีเราคนเดียวและสิ่งที่เราจะต้องไปทำสำคัญกว่าชีวิตพวกเขาที่ตั้งใจมาวัดร่วมมิสซา  คนเหล่านี้มิใช่หรือที่ทำให้มิสซาเช้าวัดของเรามีชีวิตชีวา 
            ลูกขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงประทานสัตบุรุษที่มีใจศรัทธามากมายมาร่วมมิสซากับลูกทุกเช้า  พวกเขาขอบคุณลูกที่ถวายมิสซาให้แก่พวกเขา  แต่หารู้ไม่ว่า  ลูกติดหนี้บุญคุณพวกเขาที่มาร่วมมิสซาอย่างมีชีวิตชีวาตั้งแต่หนุ่มสาวจนเฒ่าชราที่วัดหลังนี้  ทำให้วันเวลาที่นี่กับพวกเขาเป็นช่วงเวลาที่มีค่า  โดยเฉพาะเวลาถวายมิสซาทุกเช้า  เมื่อไปจากที่นี่  สิ่งมีค่าอย่างเดียวที่อยู่ในความทรงจำ  นานที่สุดคือพิธีมิสซาอันสงบศักสิทธิ์ทุกเช้ากับสัตบุรุษเหล่านั้น 
            เราจะเลือกอะไร  ระหว่าง ทำให้สัตบุรุษคุ้นเคยกับการไม่ต้องมาวัดทุกเช้าด้วยการงดมิสซาบ่อยๆ เดี๋ยวเขาก็ชินไปเอง  หรือ สอนสัตบุรุษว่ามิสซาสำคัญ พ่อเลือกเอาถวายมิสซากับพี่น้องก่อนแล้วค่อยไปทำสิ่งอื่น  เพื่อสัตบุรุษจะมีค่านิยมเลือกเอามิสซาเป็นของมีค่า  ในชีวิตสมดังที่เราพยายามสอนพวกเขา
            ลูกขอเลือกเอามิสซา...